ไม่ว่าจะทำ Startup อะไรก็ตาม สุดท้ายคำถามที่นักลงทุนต้องถามก็คือแล้วธุรกิจนี้ ทำเงินยังไง?ยิ่งคำถามที่พบบ่อยสุดคือ ให้บริการฟรี แล้วจะรวยได้ยังไงงั้นเรามาดูตัวอย่าง Business Model ที่เป็นที่นิยมกันดีกว่า….
1.“Freemium” ฟรีเมี่ยม คือแบบที่เราคุ้นเคยกันมากที่สุดสำหรับคนชอบของฟรี คือโหลด App ไปใช้ได้ฟรีเลยโดยคุณจะได้ Feature พื้นฐาน จนคุณรู้สึกว่า App นี้มันมีประโยชน์คุณถึงจะเสียเงินซื้อ เวอร์ชั่น Pro เพื่อใช้งาน Feature สำคัญๆดังนั้น Startup จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้คนดาวน์โหลดมากๆเพราะค่าเฉลี่ยคนที่ยอมเสียเงินซื้อก็จะมากขึ้นตามนั่นเอง
2.“Paid” อันนี้โมเดล SME เลย ทำ App มาขายมั่นใจว่าดี ราคาไม่แพง Software สมัยก่อนเป็นแบบนี้ทั้งหมดเต็มที่ก็จะมี Free Trial ให้ทดลองใช้ 15 วัน พอหมดอายุก็สิ้นชีพ
3.“Paidmium” คือการจ่ายเงินซื้อ App มา แล้วได้ Feature ประมาณนึงถ้าจะใช้ Feature อื่นๆค่อยซื้อเพิ่ม สำหรับคนเบี้ยน้อยหอยน้อยคนขายก็ไม่ต้องไปสู้กับ App เถื่อน Win Win ทั้งคู่
4.“Advertising” โหลดฟรีกันไปเลย แต่มีโฆษณานะเราคงเคยได้ยินตำนาน “Flappy Bird” ที่อาศัยโมเดลโฆษณาแล้วรวยเละมาแล้ว โมเดลนี้ Startup จะต้องทำ App ที่ Mass มากๆถึงจะเห็นเงินเห็นทอง ส่วนใหญ่เลยเป็นเกมส์นั่นเอง
5.“Dynamic” พลิกไปมาแล้วแต่ผู้ใช้งาน ถ้าไม่จ่ายเงินก็เชิญดูโฆษณากันไปแต่ต้องออกแบบดีๆ เพราะการขายโฆษณาต้องมี View เยอะมากๆถ้ายอด Download น้อย จะไม่ได้เงินทั้งสองทางเลยนะซักทางนึง
ก่อนจะทำ Startup ลองหาซักทางที่จะทำเงินถ้ายังนึกไม่ออกอย่าเพิ่งรีบทำ ไม่งั้นจากสร้างฝันมันจะกลายเป็นเพ้อฝัน เพราะสุดท้าย Startup ก็จะแห้งตายเพราะธุรกิจไม่ทำเงินอยู่ดีครับ